“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีช้ำหลังโดน “สิงห์บูลส์” เชลซี ไล่ยำ 1-3 แถมยังเซ่น เอริก ไบยี่ ไปอีกคน ทำให้ทีมเยือนได้เข้าไปชิงดำกับ อาร์เซน่อล ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เปิดโรงละครแห่งความฝันมาถึงนาทีที่ 5 บรูโน่ แฟร์นันด์ส จ่ายยาวให้ แดเนียล เจมส์ ที่ปรี่จนล้ำหน้าก่อนจะตวัดบอลติดมือ วิลลี่ กายาเยโร่ นายด่านมือสองของเชลซี
5 นาทีต่อมาทีมเยือนมีโอกาสได้ลุ้นจากจังหวะส่องไกลของ รีซ เจมส์ ในระยะ 30 หลา แม้ว่าบอลจะส่ายแต่ก็อยู่ในระยะที่ ดาบิด เด เคอา ต้องรีบออกแรงทุบทิ้ง
นาที 15 เจ้าบ้านเกือบต้องเสียประตูเมื่อ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่เติมขวาตักใส่หัว มาร์กอส อลอนโซ่ ก่อนบอลจะเด้งข้ามคานไปอย่างหวาดเสียว
นาที 22 เอริก ไบยี่ ทำพลาดโขกเคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทาง เมสัส เมาน์ท เข้ามาตวัดเต็มข้อ โชคดีที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ บล็อกไว้ได้ทัน
นาที 32 มาเตโอ โควาซิช พลาดไปเสียบใส่ เฟร็ด จากด้านหลังทำให้ แมนยู เป็นฝ่ายได้ฟรีคิกระยะ 24 หลา โดยมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำหน้าที่ลั่นไกใส่นายด่าน “สิงห์บูลส์” แต่ก็โดนปัดพ้นประตูจนได้
นาทีต่อมา เมสัน เมาน์ท์ ได้โอกาสซัดหน้ากรอบเขตโทษเจ้าบ้าน แต่คุมบอลไม่ดีพอทำให้นายด่านมือหนึ่งของ “ปีศาจแดง” รับได้ไม่ยาก
นาที 37 มาเตโอ โควาซิช เจ้าเก่าเข้าตัดฟาวล์ใส่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต้องมาทำหน้าที่เล็งสังหาร แต่ไม่แรงพอที่พังประตูได้เช่นกัน
นาที 39 เมสัน เมาน์ท เล่นเปิดโด่งจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาให้ คูร์ท ซูม่า ขึ้นเต็มเหน่งเหินคานไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 42 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จำเป็นต้องส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ไปแทน เอริก ไบยี่ ที่พลาดเข้าไปโขกใส่หางคิ้ว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะคิ้วแตกแต่ก็ไปต่อได้ ส่วน ไบยี่ ถึงขั้นต้องใช้อุปกรณ์บล็อกคอก่อนพาออกสนาม
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 45+7 อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล โดน คูร์ท ซูม่า หวดจนล้มจากการเข้าไปแย่งในจังหวะเคลียร์บอล โชคดีที่ไม่เป็นอะไรและสามารถเล่นต่อได้
นาที 45+11 เป็นฝั่ง เชลซี ที่ได้ขึ้นนำไปก่อนด้วยการเล่นชิ่งของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ วิลเลี่ยน ก่อนจะเปิดเลียดให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เข้ามายิงระยะเผาขนจน ดาบิด เด เคอา ไร้หนทางเซฟ
จบครึ่งแรก เชลซี นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0
ต่อครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ จ่ายพลาดโดน เมสัน เมาน์ท เข้ามาตัดแล้วซัดจากระยะ 25 หลา แม้ ดาบิด เด เคอา จะล้มมาถูกทางแต่บอลกลับลอดแขนเข้าประตูไปอย่างน่าเหลือเชื่อ เชลซี ทิ้งห่าง 2-0
นาที 50 เมสัน เมาน์ท ขึ้นขวาเปิดใส่เขตโทษให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ตามมาเก็บแต่จับพรากไหลออกหลังเสียก่อน
นาที 52 มาร์คัส แรชฟอร์ด หวังซัดมุมแคบทวงประตูคืนให้ต้นสังกัด แต่นายด่าน “สิงห์บูล์” เข้ามาปิดมุมไว้ได้ทำหลุดเสาไกลแบบหมดหวัง
นาที 56 “น้าลูกอม” ต้องแก้เกมด้วยการส่ง ปอล ป็อกบา กับ เมสัน กรีนวู้ด ลงไปแทนที่ เฟร็ด และ แดเนียล เจมส์
นาที 63 เป็นฝั่งแมนยูที่ได้ลูกฟรีคิกมุมกรอบแม้ว่า อันโตนิโอ รือดิเกอร์ จะพลาดโขกไปเข้าหัว เมสัน กรีนวู้ด ต่อให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่แนวรับทีมเยือนช่วยกันโขกออกมาได้ก่อน
นาที 71 ปอล ป๊อกบา ที่เพิ่งลงมาในครึ่งหลังก็เก็บใบเหลืองไปก่อนจากการเข้าย้ำ มาเตโอ โควาซิช
3 นาทีต่อมา เชลซี ก็หนีห่างออกไป 3-0 ในจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ พยายามเข้าตัดบอลแต่ผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไปเสียเอง
นาที 85 เจ้าบ้านก็สามารถตีไข่แตก 1-3 ได้สำเร็จ เมื่อ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เข้าเล่นหลัง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จนเชิ้ตดำต้องให้เป็นจุดโทษ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เองก็กดไม่พลาดเป้า
จบเกม เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 เตรียมตัวเล่นรอบชิงดำกับ อาร์เซน่อล ในนัดต่อไป ลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังกดดันเหล่า “เร้ด อาร์มี่” ไม่เลิก
เลขบัญชี | ชื่อผู้รับ |
4331635857 | SCB บริพัตร เจิมพันนิตย์. |
ฟรีค่าทำเนียมทุกธนาคาร !
ฝากขั้นต่ำ 50 บาท ขึ้นไปเท่านั้น
ห้ามโอนเงินในช่วงเวลา 23:00-23:59 น.